วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ความหมายขององค์การ



ความหมายขององค์การ 
(Organization) 



1.ธงชัย สันตวิงษ์ (2533: 257) กล่าวว่าองค์การหมายถึงรูปแบบการทํางานของมนษุย์ที่มีลักษณะการทํางานเป็นกลุ่มและมีการ ประสานงานกันตลอดเวลา ตลอดจนต้องมีการกําหนดทิศทาง มีการจัด ระเบียบวิธีทํางานและการติดตามวัดผลสําเร็จของงานที่ทําอยู่เสมอ ด้วย

2.ฟลิบเนอร์และเชอร์วูด (Pfeiffer and Sherwood, 1965) นิยามว่าองค์การเป็นกระบวนการที่มีแบบแผนซึ่งประกอบไปด้วยบคุคลจํานวน มากเกินกว่าที่จะมาพบกันได้หมด บุคคลเหล่านี้ต่างก็มาปฏิบัติงานที่มี ความซับซ้อนและบุคคลความสัมพันธ์กันอย่างจงใจและต่างก็มีจุดมุ่งหมาย ในผลสําเร็จที่ตั้งหวังไว้ร่วมกัน

3.แคทซ์และแคน (Katz and Kahn, 1966: 64) และเชสเตอร์ (Chester, 1970) สรุปว่า องค์การหมายถึง หน่วยงานทางสังคมที่มี บุคคลจํานวนมากมาร่วมแรงร่วมใจประสานกันทํางานหรือกิจกรรมที่มี ความซับซ้อนอย่างมีระบบ และร่วมกันตัดสินใจแก้ปัญหาเพื่อให้บรรลุ ทั้งเป้าหมายส่วนบคุคลและเป้าหมายองค์การ

4.พอร์ทเตอร์ ลอร์เลอร์และแฮคเคอร์ (Porter, Lawler and Hacker, 1975) องค์การ คือ หน่วยงานซึ่งมีคนจํานวนมากร่วมมือร่วมใจกันที่จะ ทํางานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีวตัถุประสงค์ที่มีระเบียบแบบแผนชัดเจน แน่นอนและมีเหตุผล


ประเภทขององค์การ

1. แบ่งตามความมุ่งหมายที่จัดตั้งขึ้น

 - องค์การเพื่อผลประโยชน์ร่วมของสมาชิก (Mutual-benefit) เช่น พรรคการเมือง สมาคม และสหกรณ์

- องค์การเพื่อธุรกิจ (Business concern) เช่น บริษัท ห้างร้าน และ ธนาคาร

- องค์การเพื่อสาธารณะ (Commonweal organization) เช่น กระทรวง ทบวง กรม กอง

- องค์กรเพื่อการบริการ (Service organization)  เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล 

2. แบ่งตามหลักการจัดระเบียบภายในองค์การ

 - องค์การรูปนัย (Formal Organization) ซึ่งเป็นองค์การที่มีระเบียบแบบ แผน มีโครงสร้างที่ชดัเจน

- องค์การอรูปนัย (Informal Organization) คือการที่กลุ่มบุคคลมารวมตัว กันเป็นสังคมที่ไม่ม่ีระเบียบแบบแผน ไม่ม่ีรูปแบบเฉพาะ โครงสร้าง หลวมๆ โดยมีความสมัพันธ์ระหวา่งบุคคลแบบไม่เป็นทางการ โดยอาจมี ความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยมและรสนิยมท่ีตรงกัน


นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งองค์การออกเป็น 2 แบบได้แก่ (สวุรรณี, 2547)  

- องค์การแบบแนวดิ่ง (Vertical Organization) คือ องค์การที่มีขั้นการ บังคับบญัชา (Chain of Command) ลดหลั่นกันลงมา เช่น งานทาง การทหาร และงานประเภทโรงงาน

- องค์การแบบแนวราบ (Horizontal Organization) เป็นรูปแบบของ องค์การท่ีเหมาะกับงานที่ต้องการการปรึกษาหารือร่วมกัน เช่น งานด้าน วิชาการและงานวิชาชีพ



รูปแบบของโครงสร้างองค์การ  

โครงสร้างองค์การเป็นแบบแผนที่กําหนดขอบเขตของงานและ ความสัมพันธ์ของอํานาจหน้าที่ 


     1. โครงสร้างองค์การระบบราชการ (Bureaucratic Structure) เป็นลักษณะโครงสร้างองค์การซึ่งมีความซับซ้อนสูง มีความเป็น ทางการสูง เป็นระบบการจดัการโดยถือเกณฑ์โครงสร้างงานที่เป็น ทางการของอํานาจหน้าที่ซึ่งกําหนดไว้อย่างเคร่งครัดมีการติดตาม การทํางานอย่างรัดกุมทําให้โครงสร้างองค์การแบบนี้บางครั้งขาด ความยืดหยุ่นเพราะมีขั้นตอนมากและแจทําให้เกิดความล่าช้าใน การทํางาน 


     2. โครงสร้างองค์การแบบมีชีวิต (Organic Structure) เป็น โครงสร้างองค์การที่มีความเป็นอิสระ คล่องตัว มีกฎเกณฑ์และ ข้อบังคับเล็กน้อย มีความเป็นทางการน้อยกว่าระบบราชการ สามารถยืดหยุ่นได้ มีการสง่เสริมการทํางานเป็นทีม และมีการ กระจายอํานาจการตัดสินใจให้แก่พนักงานผ้ปูฏิบตัติาม


     3. โครงสร้างองค์การแบบแมทริกซ์ (Matrix Structure) มีการ พฒันาแรกเริ่มจากการมีเป้าหมายของความสําเร็จตามโครงการ โครงสร้างของงานในโครงการมีการมอบหมายให้กับผู้ชำนาญการ จากแผนกงานที่มีหน้าที่ไปปฏิบัติในหนึ่งโครงการหรือมากกว่าหนึ่ง โครงการ


     4. โครงสร้างองค์การแบบงานหลัก (Line or Hierarchy Organization Structure) คือ แต่ละหน่วยงานมีการกําหนดการสั่งการ และการควบคุม ผ่านสายบังคับบญัชาตามลําดับชั้นจากผู้บริหารระดับสูงไปยัง ผู้ใต้บังคับบญัชาอันดับรองลงมาซึ่งเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยจะรับคําสั่ง คําแนะนําและรายงานต่อผู้บังคับบัญชาคนเดียว


     5. โครงสร้างองค์กรแบบงานหลักและงานที่ปรึกษา (Line and Staff Organization Structure) การจัดโครงสร้างขององค์กรนี้จะมี หน่วยงานที่ปรึกษาเข้ามา เพื่อช่วยศึกษาค้นคว้าให้คําแนะนํา ให้บริการและแก้ปัญหาต่างๆ ให้หน่วยงานหลัก หน่วยงานที่ปรึกษา นี้จะเป็นอิสระขึ้นตรงกับผู้บริหารในฝ่ายหรือแผนกนั้นๆ



ลักษณะสำคัญสำหรับกระบวนการจดัองค์การ


1. การออกแบบงาน (Job design) การแบง่งานภายในองค์การทั้งหมด ออกเป็นแผนก กําหนดตําแหน่ง ลักษณะโครงสร้างงาน (Structure of work) การเพิ่มหน้าที่ความรับผิดชอบ (Job enrichment) การขยายปริมาณงาน (Job enlargement) การหมนุเวียนงาน (Job rotation) การทําให้งานง่ายขึ้น(Job simplification) ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Job specialization)

2. การจัดแผนก (Departmentalization)
-          การจัดตามหน้าที่ 
-          การจัดตามผลติภณัฑ์ 
-          การจัดตามที่ตั้ง
-          การจัดตามแผนกกลุ่มลูกค้า 
-          การใช้หลายเกณฑ์ร่วมกัน

3. การมอบหมายงาน (Delegation) 
-          แบบกระจายอํานาจ (Decentralized Organization) 
-          แบบรวมอํานาจ (Centralized Organization)

4. ขนาดของการจัดการควบคุม (Span of Management) 
-          แบบแนวนอน (Wide Span) 
-          แบบสงู (Narrow Span) 


5. การจดัตามสายงานและท่ปีรึกษา

การพัฒนาองค์การ
 การพัฒนาองค์การคือความพยายามเปลี่ยนแปลงอย่างมีแผนทั่วทั้งองค์การโดยเริ่มจากฝ่ายบริหารระดับสูง เพื่อเพิ่มความมีประสิทธิภาพและความเจริญเติบโตขององค์การโดยการสอดแทรกสิ่ง ที่ได้มีการวางแผนไว้แล้วเข้าไปในกระบวนการของ องค์การด้วยการใช้ความรู้ทางด้านพฤติกรรมศาสตร์

ขั้นตอนในการพัฒนาองค์การ
                การพัฒนาองค์การควรดำเนินการเป็น 3 ขั้นตอนคือ
     1. การวิเคราะห์ปัญหาขององค์การ
     2. การสอดแทรกวิธีการใหม่ๆเข้าไปเพื่อพัฒนาองค์การ
                3. การบำรุงรักษาวิธีการใหม่ๆนั้นให้คงอยู่ตลอดไป

หลักการพัฒนาองค์การ
                1. การพัฒนาทางด้านโครงสร้าง
                2. การพัฒนาทางด้านกระบวนการ

วิธีการพัฒนาองค์การ
การพัฒนาองค์การมีวิธีการหลายแบบที่นำมาใช้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำวิธีการฝึกอบรมในห้องปฏิบัติการมาใช้เป็นที่นิยมแพร่หลายมานานได้แก่
  1. การฝึกอบรมแบบการฝึกการปะทะสังสรรค์
  2. การประชุมปรึกษาหารือ
  3. การสร้างทีมงาน
  4. การสำรวจข้อมูลย้อนกลับ


การแบ่งประเภทขององค์การจะทำให้เข้าใจดีขึ้น เช่น
1. องค์การทางสังคม ครอบครัว สถาบันการศึกษาทุกระดับ โรงเรียน มหาวิทยาลัย สถาบันศาสนา วัด ศูนย์ปฏิบัติธรรม สถาบัน กลุ่ม ชมรม มูลนิธิ ฯลฯ ที่ตั้งขึ้นเพื่อกิจการเฉพาะอย่างแต่มุ่งประโยชนในระดับสังคม
2. องค์การทางราชการ ทุกระบบที่เป็นส่วนราชการ ระดับกระทรวง ทบวง กรม
3. องค์การเอกชน เช่น บริษัทห้างร้านที่ตั้งขึ้นมาด้วยรูปแบบต่างๆ เพื่อมุ่งหากำไรเป็นสำคัญ ลักษณะขององค์การทางธุรกิจนั้น แบ่งได้เป็น
            - องค์การที่มีเจ้าของคนเดียวจัดระบบการทำงานโดยมีลูกน้องมาร่วมมือกันทำงานเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จ และในปัจจุบันธุรกิจแบบเจ้าของคนเดียวแพร่หลายมากขึ้นเนื่องจากมีช่องทางการตลาดแบบออนไลน์
            - ห้างหุ้นส่วนสามัญ ผู้ร่วมเป็นหุ้นส่วนในองค์การประเภทนี้จะต้องร่วมรับผิดชอบในองค์การร่วมกันในทุกเรื่องทั้งทรัพย์สินและหนี้สิน
            - ห้างหุ้นส่วนจำกัด องค์การธุรกิจประเภทนี้มีความต่างจากห้างหุ้นส่วนสามัญตรงที่ เฉพาะหุ้นส่วนเฉพาะบางคนเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบไม่จำกัด ผู้ถือหุ้นนอกนั้นรับผิดชอบ จำกัดตามจำนวนหุ้นที่ตัวเองถือครอง
รูปแบบองค์การ

                - รูปแบบที่เป็นทางการ เป็นองค์การที่มีการรวมตัวกันของกลุ่ม อย่างมีระบบ แบบแผน ชัดเจน ครอบคลุมทุกส่วนของ การปฏิบัติงาน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์


                - รูปแบบที่ไม่เป็นทางการ เป็นองค์การที่มีการรวมตัวกันของกลุ่ม อย่างไม่มีระบบของการบริหารไม่กฎเกณฑ์ ไม่ ระเบียบข้อบังคับของการปฏิบัติงาน






 ขอขอบคุณ www. teacher.ssru.ac.th
วันที่ 1 พศจิกายน 2560











การจัดการงานอาชีพ

⛄การจักการงานอาชีพ ( Management )⛄ 😃😃😃😃😃 ☔ขั้นตอนของการพัฒนาด้านอาชีพ             ช่วงแรก   เป็นระยะเริ่มต้นก้าวสู่ง...