วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

การเพิ่มผลผลิต


👻การเพิ่มผลผลิต👻
Productivity increase

👼👼👼👼👼


👏1) ความหมายของการเพิ่มผลผลิต
    การเพิ่มผลผลิตมี 2 แนวความคิด คือ แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ และแนวคิดทางเศรษฐกิจสังคม
            1.1 แนวคิดทางวิทยาศาสตร์
              ตามแนวคิดนี้ ความหมายโดยสรุปคิด การเพิ่มผลผลิตเป็นสิ่งที่วัดค่าได้ และมองเห็นเป็นรูปธรรมนั่นคือ ตามแนวความคิดนี้ การเพิ่มผลผลิตสามารถวัดค่าได้ทั้งทางกายภาพ คือวัดเป็นจำนวนชิ้นน้ำหนัก ความยาว ฯลฯ และอีกทางคือ การวัดเป็นมูลค่า ซึ่งวัดในรูปที่แปลงเป็นตัวเงิน สามารถทำให้หน่วยงานหรือองค์กรมองเห็นเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนว่า การประกอบธุรกิจนั้น ๆ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือไม่

             💦การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ คือ ผลผลิต (Output) ที่นำมาเพื่อใช้ในการคำนวณนี้ต้องเป็นผลิตผลที่ขายได้จริงไม่นับรวมผลิตผลที่เป็นของเสียที่ตลาดไม่ต้องการ และต้องไม่เป็นผลิตผลค้างต๊อกที่เก็บไว้ในโกดังสินค้า เพราะไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อโรงงานค่าที่ได้จากการคำนวณจากอัตราส่วนของผลิตผลและปัจจัยการผลิตนี้จะไปวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าการเพิ่มผลผลิตของโรงงานตามที่กำหนด และใช้เปรียบเทียบกับหน่วยงานอื่นการคำนวณหาค่าการเพิ่มผลผลิตนี่เรียกว่า การวัดการเพิ่มผลผลิต ซึ่งแนวทางการเพิ่มผลผลิตมีดังนี้
            👉 แนวทางที่ 1 ทำให้ผลิตผลเพิ่มขึ้นแต่ปัจจัยการผลิตเท่าเดิม คือ Output เพิ่มขึ้น Input เท่าเดิม แนวทางนี้นำไปใช้ในการเพิ่มผลผลิตในสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในสภาพปกติ คือเมื่อพนักงานมีเท่าเดิมต้องการให้ผลิตผลมากขึ้น ก็หาวิธีการปรับปรุงงานด้วยการนำเทคนิค วิธีการปรุงปรับการเพิ่มผลผลิตเข้ามาช่วย เช่น ปรับปรุงวิธีการทำงาน ฝึกอบรมทักษะในเรื่องการทำงานให้มีทักษะคุณภาพ กิจกรรม 5 ส กิจกรรม QCC ฯลฯ จะเป็นการเพิ่มผลผลิตให้มีค่าสูงขึ้น โดยไม่เพิ่มปัจจัยการผลิต
            👉 แนวทางที่ 2 ทำให้ผลิตผลเพิ่มขึ้นแต่ปัจจัยการผลิตลดน้อยลงคือ Output เพิ่มขึ้น Input ลดลง แนวทางนี้สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยให้การเพิ่มผลผลิตมีค่าสูงสุดมากกว่าวิธีอื่น ๆ เป็นแนวทางที่นำเอาแนวทางที่ 1 และแนวทางที่ 4 เข้าด้วยกัน ผู้ปฏิบัติต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับปรุงกระบวนการผลิตวิธีการทำงานทั้งหมด จนไม่มีการสูญเสียในกระบวนการผลิต เช่น โรงงานผลิตผลไม้กระป๋อง ใช้คนงานสุ่มเช็คความเรียบร้อยของสินค้าก่อนบรรจุลงในกล่อง หากพบสินค้ามีรอยตำหนิไม่เป็นมาตรฐานก็จะแยกส่งออกไปแก้ไขใหม่ใช้พนักงาน 6 คน ในจำนวนพนักงานทั้งหมด12 คน ในสายตาการผลิต จะเห็นว่าเวลาส่วนใหญ่ของพนักงานทั้ง6 ที่ยืนสังเกตแยกสินค้าออกนี้ ถูกนำไปใช้งานที่ไม่เกิดประโยชน์ ทำให้เกิดต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นต้องปรับปรุงวิธีการทำงานใหม่ ในการหาวิธีตรวจสองสินค้าที่มีรอยตำหนิ โยกย้ายพนักงานออกไปทำหน้าที่อื่นที่ได้ประโยชน์ในการทำงานมากกว่าจะทำให้โรงงานได้ผลิตผลเพิ่มขึ้น และลดปัจจัยการผลิตน้อยลง แนวทางนี้จะเป็นวิธี การเพิ่มผลผลิตหรือเพิ่มประสิทธิภาพด้วยต้นทุนต่ำใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กรอย่างคุ้มค่า หรือมีประสิทธิภาวะสูงสุด โดยเฉพาะการเพิ่มผลผลิตจากพนักงานให้สูงขึ้นและให้ลดความสูญเสียที่เกิดจาก จุดรั่วไหลต่าง ๆ ให้มากที่สุด ประหยัดได้ต้องประหยัด ลดกันทุกจุดที่ทำได้ก็เท่ากับลดต้นทุน
            👉 แนวทางที่ 3 ทำให้ผลิตผลเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยการผลิตเพิ่มสูงขึ้น (ในอัตราที่น้อยกว่าการเพิ่มของผลิตผล) คือ Output เพิ่มขึ้น แต่ Input เพิ่มน้อยกว่า แนวทางนี้นำไปใช้ในสภาวะเศรษฐกิจกำลังเติบโตต้องการขยายกิจการและขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น มีทุนพอที่จะจัดซื้อเครื่องจักรมาเพิ่มขึ้น จ้างแรงงานเพิ่มใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในการผลิต ลงทุนในด้านปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับผลผลิตที่เพิ่มขึ้นแล้วอัตราส่วนของผลผลิตที่เพิ่มจะมากกว่าการเพิ่มของปัจจัยการผลิต
            👉 แนวทางที่ 4 ทำให้ผลิตผลเท่าเดิม แต่ปัจจัยการผลิตลดลง คือ Output คงที่ แต่ Input ลดลง แนวทางนี้ไม่เพิ่มยอดการผลิต นั่นคือ การใช้ปัจจัยการผลิตที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหมาะที่จะใช้กับช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความต้องการของตลาดมีไม่มากนัก เช่น การประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ขจัดเวลาที่สูญเสียต่าง ๆ การประหยัดทรัพยากรที่มีอยู่ให้ใช้อย่างจำกัดและจำเป็นลดความฟุ่มเฟือยต่าง ไหลหาจุดไหลในการผลิตและลดจุดรั่วนั้น ๆ
            👉 แนวทางที่ 5 ทำให้ผลิตผลลดลงจากเดิมแต่ปัจจัยการผลิตลดลงมากกว่า (ในอัตราลดลงมากกว่าลดผลิตผล) คือ Output ลดลง Input ลดลงมากกว่าแนวทางนี้ใช้ในภาวะที่ความต้องการของสินค้าหรือบริการในตลาดน้อยลง เพื่อใช้เพิ่มค่าของการเพิ่มผลผลิตเช่นสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอย คนไม่มีกำลังซื้อ สินค้าฟุ่มเฟือยไม่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น รถยนต์ น้ำหอม ฯลฯ ขายไม่ได้มาก บริษัทที่ผลิตต้องลดปริมาณการผลิตลง และพยายามลดปัจจัยการผลิตให้มากกว่าด้วย เพื่อให้การเพิ่มผลผลิตค่าสูงขึ้น
            แนวทางการเพิ่มผลผลิตทั้ง 5 แนวทางที่กล่าวมาจะไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่า แนวทางใดจะเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจอย่างไรได้ทั้งหมดเพราะต้องพิจารณาทั้งผลิตผลและปัจจัยการผลิตร่วมเพื่อแนวทางที่เหมาะสมกับองค์กรหรือหน่วยงานนั้น ๆ แต่โดยหลักการพื้นฐานแล้วสามารถพิจารณาได้ ดังนี้

                       👊1.1 แนวทางการเพิ่มผลผลิต👊
                             - หากต้องเพิ่มผลผลิตหรือ Output สูงนั้น เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตลาดขยายตัว ผู้บริโภคกำลังซื้อสูงสินค้ากำลังเป็นที่ต้องการของตลาด
                             - หากลดผลิตผลลง หรือ Output ลดลง เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซบเซา ตลาดหดตัวสินค้าไม่เป็นที่ต้องการของตลาดขณะนั้น
                             - หากเพิ่มปัจจัยการผลิต หมายถึง ต้องการลงทุนเพิ่มในช่วงเศรษฐกิจเติบโต ต้องมั่นใจว่าสินค้าที่ผลิตออกมาแล้วเป็นที่ต้องการของตลาด

                             - หากลดปัจจัยการผลิต หมายถึงลดปัจจัยการผลิตได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจเพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่า
                                 จากแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ข้างต้น ความหมายของการเพิ่มผลผลิตมิได้หมายถึงการเพิ่มปริมาณการสภาวะหนึ่งที่ต้องทำให้อัตราเพิ่มผลผลิตสูงตลอดเวลาซึ่งทำได้โดยสำรวจสภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดที่มีต่อสินค้าหรือบริการแล้วเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่งเพื่อการเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น

     ✌ 1.2 แนวทางเศรษฐกิจสังคม ✌
           การเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจสังคมนั้น เป็นแนวคิดที่เชื่อมั่นในความก้าวหน้าของมนุษย์ที่จะหาหนทางปรับปรุงและสร้างสรรค์ให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้นเสมอ โดยการทำสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องตั้งแต่แรก และใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
           ดังนั้น การเพิ่มผลผลิตจึงเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับคนทุกอาชีพ ทุกระดับที่ต้องร่วมกันเร่งรัดปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต เพื่อยกระดับมาตรฐานการครองชีพ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันจะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ การเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องชี้วัดความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจสังคม การเพิ่มผลผลิตระดับชาติแสดงถึงความสามารถระดับชาติในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติมั่นคงก้าวหน้าต่อไป ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

           👌การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางเศรษฐกิจสังคม👌

                  1. ความสำนึกในจิตใจ เป็นความสามารถหรือการมีพลังด้านความสามารถที่มนุษย์แสวงหาทางปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นเสมอ โดยเชื่อว่าสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ในวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานนี้ พรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ โดยผู้มีจิตสำนึกด้านการเพิงผลผลิตจะประยุกต์ใช้เทคนิคและวิธีการใหม่ ๆ นำมาใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่หน่วยงาน สังคม และประเทศชาติ และทันต่อสภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
                  2. การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด การเพิ่มผลผลิตเป็นความสำนึกในการดำเนินกิจกรรมในตลอดวิถีชีวิต ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์พร้อมทั้งพยายามลดการสูญเสียทุกประเภทเพื่อความเจริญมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติความสำนึกดังกล่าวได้แก่ การช่วยกันประหยัดพลังงานต่าง ๆ และค่าใช้จ่าย การมีจิตสำนึกในการเคารพกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อความสงบสุขของสังคม การนิสัยตรงต่อเวลา การลดข้อผิดพลาดต่าง ๆ การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ฯลฯ
           สรุป การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางเศรษฐกิจสังคม หมายถึง การสร้างทัศนคติแห่งจิตใจ ที่จะแสวงหาทางปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะเห็นว่า ความหมายของการเพิ่มผลผลิต ทั้งแนวคิดทางวิทยาศาสตร์และแนวคิดทางเศรษฐกิจสังคมนั้นมีหลายแนวคิด และกิจกรรมหลากหลาย จึงต้องช่วยกันเร่งรัดผลักดัน ปรับปรุงการเพิ่มในทุกระดับเพื่อความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของชาติสืบไป

2) ประเภทของการเพิ่มผลผลิต
           ปัจจุบันเครื่องมือและเทคนิคการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตมีหลากหลาย ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปแบบผสมผสานกันทั้งแบบของญี่ปุ่นและแบบตะวันตก เพราะหลักในการเพิ่มผลผลิตก็คือการขจัดความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและสร้างทัศนคติที่ดีให้แก่พนักงานในการปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ

           2.1 เทคนิคการเพิ่มผลผลิตแบบเน้นงาน
                 เป็นกระบวนการที่เป็นระบบในการพัฒนาปรับปรุงวิธีทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การศึกษาการทำงานประกอบด้วยเทคนิคหลัก 2 ประการ คือ


ภาพประกอบที่ 1 ศึกษากระบวนการทำงานที่เป็นระบบเพื่อพัฒนาปรับปรุงการทำงานในประสิทธิภาพ

             👏1. การศึกษาการทำงาน หรือวิศวกรรมวิธีการหรือการทำงานง่ายขึ้น หรือการทำให้งานง่ายขึ้น หรือการปรับปรุงงานหรือการออกแบบงาน เป็นการบันทึกและวิเคราะห์วิธีทำงานโดยมุ่งที่จะกำจัด ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นบันได 8 ขั้น ในการศึกษาวิธีการทำงานได้แก่
                 👍 ขั้นที่ 1 เลือกงานสำคัญที่เหมาะแก่การศึกษา โดยพิจารณางานที่จำเป็น เป็นปันหาคอคอดในสายการทำงาน มีของเสียสิ้นเปลืองสูงคุณภาพงานไม่สม่ำเสมอ ซ้ำซาก จำเจ ทำให้เหนื่อยล้ามาก หรือมีการทำงานล่วงเวลาบ่อยเป็นต้น
                 👍 ขั้นที่ 2 บันทึกโดยตรง หมายถึง การใช้แผนภูมิหรือแผนภาพมาตรฐานที่เหมาะสมเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิธีทำงาน
                 👍 ขั้นที่ 3 ลงมือตรวจตรา วิเคราะห์วิธีทำงานที่เป็นอยู่ โดยใช้เทคนิคการตั้งคำถาม 6W 1H กล่าวคือวิเคราะห์แต่ละขั้นตอนว่า ทำอะไร ทำที่ไหน ทำเมื่อไร ใครเป็นคนทำ ทำอย่างไร ทำไมต้องทำ มีอะไรอย่างอื่นที่ทำได้ เป้าหมายในการวิเคราะห์ตรวจตราก็เพื่อกำจัด รวม หรือสลับลำดับงานในขั้นตอนต่าง ๆ ที่พิจารณาจนกระทั่งเหลือแต่งานที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
                 👍 ขั้นที่ 4 พัฒนาวิธีใหม่ เป็นขั้นตอนที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ค้นหาวิธีการใหม่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสภาวการณ์ที่เป็นอยู่ จะต้องมีการบันทึกและตรวจตราวิธีการที่เสนอแนะใหม่
                 👍ขั้นที่ 5 วัดให้รู้จริง หาตัวเลขข้อมูลการประหยัดการเคลื่อนไหวและเวลาที่ได้ เพื่อคำนวณความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจของโครงการปรับปรุงที่เสนอแนะเสนอให้ฝ่ายบริหารพิจารณา
                 👍 ขั้นที่ 6 ทุกสิ่งนิยามไว้ กำหนดวิธีการทำงานที่เสนอแนะเพื่อใช้อ้างอิงในทางปฏิบัติ รวมถึงการกำหนดอุปกรณ์ วัสดุ เงื่อนไขและผังสถานที่ทำงานให้ชัดเจน
                 👍 ขั้นที่ 7 ใช้งานเป็นประจำ นำวิธีการทำงานแบบใหม่ไปปฏิบัติ โดยต้องได้รับการเห็นชอบจากฝ่ายบริหารและการยอมรับจากคนงานและหัวหน้างานที่เกี่ยวข้องต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะมีขึ้น ขั้นตอนนี้ครอบคลุมถึงการฝึกหัดพนักงานตามวิธีใหม่และการติดตามดูความก้าวหน้าในการทำงานจนได้ระดับที่น่าพอใจ
                  👍ขั้นที่ 8 ดำรงไว้ซึ่งวิธี คอยตรวจสอบการทำงานให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ปรับปรุง อาจกำหนดสิ่งจูงใจในการทำงานด้วยวิธีใหม่ ไม่มีเพียงเท่านั้น หากเล็งเห็นวิธีการปรับปรุงอีกก็อาจพิจารณาปรับปรุงต่อไป


ภาพประกอบที่ 2 ฝึกอบรมให้แก่พนักงานเพื่อเพิ่มทักษะในการทำงาน

👏3) ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต
   ความสำเร็จในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตของหน่วยงานหรือองค์กรมีปัจจัย ดังนี้คือ
                  1. บทบาทของผู้บริหารระดับสูงในองค์กร ต้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตอย่างจริงจังและจริงใจ ให้การสนับสนุนในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านงบประมาณ การสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน มีส่วนร่วมในกิจกรรมเพิ่มผลผลิตในทุก ๆ รูปแบบ


ภาพประกอบที่ 3 ยอมรับการแสดงความคิดเห็นของพนักงานทุกคนเพื่อปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตให้มีประสิทธิภาพ

                   2. องค์กรต้องจัดตั้งทีมดำเนินงาน รับผิดชอบในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต เพื่อให้การปรับปรุงดำเนินโครงการเป็นไปอย่างต่อเนื่องระยะยาว แบ่งหน้าที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน
                  3. ต้องประกาศเป็นนโยบายขององค์กร เพื่อให้พนักงานทุกคนรับทราบ และต้องนับถือเป็นข้อตกลงร่วมกัน มีส่วนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในเรื่องของการปรับปรุงการทำงานเพื่อเพิ่มผลผลิต
                  4. เปิดโอกาสให้พนักงานได้เรียนรู้ พัฒนาความรู้ความสามารถและทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นในการทำงานจัดให้มีกิจกรรมการเพิ่มผลผลิตต่าง ๆ เช่น กิจกรรม 5 ส กิจกรรมกลุ่มคุณภาพ กิจกรรมข้อเสนอแนะ ฯลฯ
                  5. สร้างบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีในองค์กร เพื่อกระตุ้นให้พนักงานเกิดทัศนคติที่ดีต่อการทำงานมีความพยายามตระหนักถึงความจำเป็น
                  6. องค์กรต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงานและฝ่ายบริหาร เพราะจะทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต
                  7. ต้องมีการแบ่งปันผลปะโยชน์ ซึ่งเกิดจากการเพิ่มผลผลิตให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมเพราะจะให้เกิดความร่วมมือกับทุก ๆ ฝ่าย ในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตในระยะยาว




ขอขอบคุณ  www.achinan.blogspot.com
สืบค้นเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2560




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การจัดการงานอาชีพ

⛄การจักการงานอาชีพ ( Management )⛄ 😃😃😃😃😃 ☔ขั้นตอนของการพัฒนาด้านอาชีพ             ช่วงแรก   เป็นระยะเริ่มต้นก้าวสู่ง...